เมนู

มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเจ้าในที่พึ่งอาศัย ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอเนื้อความแห่งภาษิตนี้จงแจ่ม
แจ้งกะพระผู้มีพระภาคเจ้าเท่านั้นเถิด ภิกษุทั้งหลายฟังพระดำรัสของพระ
ผู้มีพระภาคเจ้าแล้วจักทรงจำไว้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์
ถ้ากระนั้นเธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ท่านพระอานนท์ทูลรับพระ
ผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูก่อน
อานนท์ เวทนา 3 เหล่านี้ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา
ดูก่อนอานนท์ เหล่านี้ เราเรียกว่าเวทนา ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะของ
ภิกษุผู้ขีณาสพย่อมระงับ.
จบ ทุติยอานันทสูตรที่ 9

7. ปฐมสัมพหุลสูตร



ว่าด้วยภิกษุจำนวนมากทูลถามเรื่องเวทนา 3



[404] ครั้งนั้นแล ภิกษุมากด้วยกันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
เวทนามีเท่าไร ความเกิดขึ้นแห่งเวทนาเป็นไฉน ความดับแห่งเวทนา
เป็นไฉน ปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่งเวทนาเป็นไฉน อะไรเป็นคุณ
แห่งเวทนา อะไรเป็นโทษแห่งเวทนา อะไรเป็นอุบายเครื่องสลัดออกแห่ง
เวทนา. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เวทนามี 3 เหล่านี้

คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้
เราเรียกว่าเวทนา เพราะผัสสะเกิดขึ้นเวทนาจึงเกิด เพราะผัสสะดับไป
เวทนาจึงดับ อริยมรรคมีองค์ 8 นี้นั้นแล คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมา-
สมาธิเป็นปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่งเวทนา สุข โสมนัส ย่อมเกิดขึ้น
เพราะอาศัยเวทนาใด นี้เป็นคุณแห่งเวทนา เวทนาใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์
มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งเวทนา การกำจัด การละ
ฉันทราคะในเวทนาใด นี้เป็นอุบายเครื่องสลัดออกแห่งเวทนา.
[405] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โดยที่แท้ เราได้กล่าวความดับ
แห่งสังขารทั้งหลายโดยลำดับแล้ว คือ เมื่อภิกษุเข้าปฐมฌาน วาจาย่อมดับ
ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะของภิกษุผู้ขีณาสพย่อมดับ.
[406] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โดยที่แท้ เราได้กล่าวความสงบ
แห่งสังขารทั้งหลายโดยล่าดับแล้ว คือ เมื่อภิกษุเข้าปฐมฌาน วาจาย่อม
สงบ ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะของภิกษุผู้ขีณาสพย่อมสงบ.
[407] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปัสสัทธิ 6 ประการนี้ คือ เมื่อ
ภิกษุเข้าปฐมฌาน วาจาย่อมระงับ เมื่อเข้าทุติยฌาน วิตกวิจารย่อมระงับ
เมื่อเข้าตติยฌาน ปีติย่อมระงับ เมื่อเข้าจตุตถฌาน ลมอัสสาสะปัสสาสะ
ย่อมระงับ เมื่อเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ สัญญาและเวทนาย่อมระงับ ราคะ
โทสะ โมหะ ของภิกษุผู้ขีณาสพย่อมระงับ.
จบ ปฐมสัมพหุลสูตรที่ 7

8. ทุติยสัมพหุลสูตร



ว่าด้วยพระพุทธองค์ทรงแสดงเวทนา



[408] ครั้งนั้นแล ภิกษุมากด้วยกัน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระ.
ใดเจ้าถึงที่ประทับ ฯลฯ ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสถามภิกษุ
เล่นนั้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เวทนามีเท่าไร ฯลฯ อะไรเป็นอุบาย
เครื่องสลัดออกแห่งเวทนา ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
กรรมทั้งหลายของพวกข้าพระองค์มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นรากฐาน ฯลฯ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้ากระนั้นพวกเธอจงฟัง
จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เวทนา 3
เหล่านี้ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เหล่านี้ เราเรียกว่า เวทนา ฯ ลฯ ( พึงขยายความให้พิสดารเหมือนสูตร
ต้นๆ)
จบ ทุติสัมพหุลสูตรที่ 8

9. ปัญจกังคสูตร



ว่าด้วยช่างไม้ปัญจกังคะถามปัญหาพระอุทายี



[409] ครั้งนั้นแล ช่างไม้ชื่อปัญจกังคะเข้าไปหาท่านพระอุทายี
ถึงที่อยู่ ไหว้ท่านพระอุทายีแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว
ได้ถามท่านพระอุทายีว่า ท่านพระอุทายีผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส